1. การทำความเข้าใจเเละยอมรับการวินิจฉัยโรคเบาหวานชนิดที่ 1
โรคเบาหวานชนิดที่ 1 ส่งผลกระทบต่อทั้งร่างกายเเละจิตใจ ผู้ใหญ่ตอนต้นที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 อาจกังวลเกี่ยวกับการจัดการโรคในแต่ละวันเเละผลกระทบต่อชีวิตในอนาคต
เนื่องจากชีวิตในวัยผู้ใหญ่ตอนต้นหรือวัยรุ่นเป็นช่วงเวลาในการเรียนรู้ที่จะดูแลตนเองเเละวางเเผนสำหรับอนาคต เช่น การเรียนในมหาวิทยาลัย การทำงาน หรือการสร้างครอบครัว
การรู้สึกเศร้า โกรธ หรือหงุดหงิด ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะคุณอาจรู้สึกว่าทำไมคนอื่น ๆ ในวัยเดียวกันถึงไม่ต้องเผชิญปัญหาเหมือนกับคุณ เเต่ขอให้มั่นใจได้เลยว่า
ยิ่งคุณดูแลตนเองและควบคุมอาการของโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ได้ดี คุณจะยิ่งรู้สึกว่าสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติได้เหมือนวัยรุ่นคนอื่น ๆ
บางครั้งการเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้อาจทำให้คุณอาจรู้สึกเศร้า เเละคุณอาจเเสร้งว่าอาการทั้งหมดไม่มีอยู่จริง เเต่โปรดเข้าใจว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือการเปิดใจ เเละอยู่กับโรคนี้เสมือนเป็นเพื่อนของคุณ ไม่ใช่ศัตรู เพราะความเศร้าเเละความโกรธไม่สามารถช่วยเหลือคุณได้ในระยะยาว ดังนั้นการพยายามไม่นึกถึงหรือไม่พูดถึงโรคเบาหวานมีเเต่จะทำให้ทุกอย่างเเย่ลง
ดังนั้นอย่าเป็นเพื่อนที่แย่กับโรคของคุณ ให้เป็นเพื่อนที่ใส่ใจเเละสนใจในตัวโรค พูดคุยกับคนใกล้ชิดทุกวัน วิธีนี้จะทำให้คุณเรียนรู้เกี่ยวกับโรคเเละการปฏิบัติตัวเพื่อให้ควบคุมโรคได้ดีที่สุด
เเม้ว่านี่จะเป็นช่วงเวลาของชีวิตที่คุณอยากแสดงออกถึงความมีอิสระในการใช้ชีวิต เเต่ให้จำไว้ว่าผู้ปกครองของคุณยังรักเเละเป็นห่วงคุณเสมอ คุณสามารถระบายความรู้สึกกับพวกท่านได้ การเป็นอิสระสามารถเกิดควบคู่ไปกับการได้รับการสนับสนุนได้
2. การเป็นอิสระ
เมื่อคุณเติบโตขึ้น คุณอาจเริ่มนึกถึงชีวิตที่เป็นอิสระจากครอบครัวของคุณมากขึ้น แต่คุณก็จะต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้นและต้องดูแลโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และชีวิตของคุณเอง ลองใช้เวลาพิจารณาให้ถี่ถ้วน แล้วจัดการความท้าทายต่าง ๆ ให้สำเร็จทีละอย่าง คุณไม่ต้องรีบ เพราะการเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ
ความสามารถในการปรับกิจวัตรประจำวันให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่จะเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการใช้ชีวิตด้วยตนเองอย่างมีความรับผิดชอบ
การดูเเลสุขภาพจิต
เนื่องจากการใช้ชีวิตอยู่กับโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ในแต่ละวันไม่ใช่เรื่องง่าย บางครั้งคุณอาจรู้สึกเศร้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ปกติมาก
– ภาวะซึมเศร้า
หากความรู้สึกเศร้าไม่หายไป คุณอาจมีความเสี่ยงที่จะมีภาวะซึมเศร้า การมีภาวะซึมเศร้าร่วมกับโรคเบาหวานอาจพบได้บ่อยมากกว่าที่คุณคิด – ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมีความเสี่ยงที่จะมีภาวะซึมเศร้ามากกว่าคนที่ไม่ได้เป็นโรคเบาหวานถึงสองเท่า
ภาวะซึมเศร้าเกิดขึ้นเมื่อคุณรู้สึกสิ้นหวัง และเมื่อคุณรู้สึกยากที่จะมีความรู้สึกที่ดีต่อชีวิตของคุณ คุณอาจอยากแยกตัวจากสังคมมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่คุณควรรู้ไว้ว่าบางครั้งคุณก็ไม่ได้รู้สึกเช่นนี้อยู่คนเดียว ดังนั้นสิ่งที่สำคัญคือความสามารถในการสังเกตสัญญาณของภาวะซึมเศร้าและระบายให้ครอบครัวและแพทย์ของคุณรับฟัง
– ความกังวลในโรคเบาหวาน
บางครั้งคุณอาจรู้สึกคับข้องใจ รู้สึกผิด หรือกังวล คุณอาจจะรู้สึกกังวลบ่อย ๆ กับภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อยหรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ หากความรู้สึกเหล่านี้ไม่หายไปหรือเริ่มที่จะมีผลต่อชีวิตประจำวันของคุณ การแบ่งปันเรื่องนี้กับใครสักคนจะเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เป็นเรื่องที่เข้าใจได้หากคุณรู้สึกเช่นนี้ในบางเวลา – คุณไม่ได้โดดเดี่ยว
– อารมณ์เเละอาหาร
“โรคเบาหวานทำให้คุณต้องใส่ใจเรื่องอาหารการกินมากขึ้น เเต่บางครั้งก็อาจทำให้เครียดได้ บางคนรู้สึกว่ายิ่งเครียดก็จะยิ่งรับประทานอาหารเยอะ เเต่ก็มีบางคนที่เมื่อรู้สึกเเย่ก็จะรับประทานอาหารได้น้อยลง การรับประทานอาหารต่าง ๆ ก็สามารถส่งผลต่ออารมณ์ของคุณได้ด้วย
”
บางครั้งคุณอาจใส่ใจในเรื่องของน้ำหนักและภาพลักษณ์มากจนนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่ออาหาร ซึ่งอาจเป็นพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ผิดปกติ สิ่งนี้เป็นปัญหารุนแรงที่พบได้ในผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 หากคุณมีปัญหานี้ คุณควรให้ความสำคัญและรับความช่วยเหลือจากทีมดูแลโรคเบาหวานของคุณ
การมองไปข้างหน้า
การเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 คือการเตรียมตัวสำหรับขาขึ้นและขาลงของชีวิต แม้ว่าคุณจะปรับตัวกับโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ได้แล้ว คุณอาจยังมีอุปสรรคต่าง ๆ เช่นบางครั้งระดับน้ำตาลในเลือดอาจจะสูงหรือต่ำเกินไป เเม้ว่าคุณจะปฏิบัติตามคำเเนะนำของเเพทย์เเล้วก็ตาม
พยายามอดทนเเละมองหาสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตด้วย เช่น มีความมั่นใจ กล้าหาญ เเละภูมิใจกับสิ่งที่คุณกำลังเรียนรู้
อารมณ์ด้านบวกก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการปรับตัวได้เช่นกัน ในขณะที่คุณกำลังปรับตัวกับโรคเบาหวาน คุณอาจพบว่าคุณมีความมั่นใจ มีความมุ่งมั่น มีความหวัง โล่งใจ ได้รับการสนับสนุน มีความแข็งแกร่ง และมีความสุขด้วย
ในไม่ช้า คุณจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการรับรู้และจัดการอารมณ์และดูแลสุขภาพของคุณเอง การเป็นโรคเบาหวานอาจช่วยสอนวิธีการรับมือและปรับตัวกับความท้าทายต่าง ๆ ในชีวิตให้คุณได้ดีกว่าคนอื่น ๆ เสียอีก แต่หากมีสิ่งที่สำคัญสิ่งเดียวที่คุณควรได้จากการอ่านบทความนี้ โปรดจำไว้ว่า ช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1
เป็นช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้นในร่างกาย และเป็นช่วงเวลาที่การควบคุมระดับน้ำตาลให้ดีจะมีความสำคัญมากหากคุณต้องการที่จะป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ จากโรคเบาหวานในอนาคต
อย่ากลัวไป เพียงเเค่ยอมรับความจริง เเละควบคุมระดับน้ำตาลให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ นั่นคือทุกอย่างที่เราทำได้ในตอนนี้ สิ่งที่จะขัดขวางคุณมีเพียงตัวคุณเองเท่านั้น !