การจัดการภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อย

fb

พฤศจิกายน 8th, 2022

การจัดการภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อย

1. ภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อยเกิดขึ้นเมื่อระดับกลูโคสในเลือดต่ำกว่า 70 มก./ดล.

ภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อยเป็นภาวะที่พบได้บ่อย สามารถพบได้ในผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 เกือบทุกคน
บางครั้งภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อยอาจรุนแรงจนทำให้ผู้ป่วยเป็นลมหรือชักได้ ในกรณีนี้ คุณต้องพาผู้ที่เป็นโรคเบาหวานไปรับการรักษาทันที

2. จะรู้ว่ามีภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อยได้อย่างไร ?

อาการและอาการแสดงเมื่อระดับกลูโคสในเลือดต่ำอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลและอัตราการลดลงของระดับกลูโคสในเลือด

สัญญาณเตือนเมื่อกลูโคสในเลือดต่ำได้แก่ :

  • เหงื่อออก
  • หิว
  • หัวใจเต้นเร็ว
  • พูดไม่ชัด
  • หงุดหงิด
  • เวียนศีรษะ
  • เหนื่อย
  • ตามัว
  • ร้องไห้โดยไม่มีสาเหตุ
  • ตัวสั่น

อย่าลืม : อาการเหล่านี้อาจไม่ได้เกิดจากระดับกลูโคสในเลือดต่ำเสมอไป ควรให้ผู้ป่วยตรวจวัดระดับกลูโคสในเลือดทุกครั้งเมื่อรู้สึกไม่สบาย ห้ามเดาเองเด็ดขาด ! ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานอาจมีภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อยตอนกลางคืนได้ โดยอาจร้องไห้ ฝันร้าย หรือเหงื่อออกตอนกลางคืน (อาจมีผ้าปูที่นอนและ/หรือชุดนอนเปียก) และอาจตื่นขึ้นมาด้วยอาการหงุดหงิดหรือปวดหัว

3. สาเหตุของระดับกลูโคสในเลือดต่ำ

ภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อยสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แต่มีแนวโน้มที่จะเกิดมากขึ้นหากผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 :

  • ข้ามหรือเลื่อนมื้ออาหารหรือของว่างออกไป หรือไม่รับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตให้พอกับอินซูลินที่ได้รับไ
  • ได้รับอินซูลินมากเกินไป ฉีดอินซูลินผิดชนิด หรือฉีดอินซูลินผิดเวลา
  • ออกกำลังกายมากกว่าปกติโดยไม่ได้รับประทานอาหารเพิ่มหรือปรับปริมาณอินซูลิน

ระดับกลูโคสในเลือดต่ำสามารถเกิดขึ้นได้ :

  • ในระหว่างการนอนหลับ ซึ่งเรียกว่า ภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อยตอนกลางคืน
  • หลายชั่วโมงหลังการออกกำลังกาย ซึ่งเรียกว่า ภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อยหลังการออกกำลังกาย
  • หลังจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์จะลดความสามารถของร่างกายในการรักษาระดับกลูโคสในเลือดให้อยู่ในช่วงปกติ ซึ่งอาจทำให้น้ำตาลในเลือดลดลงอย่างฉับพลันได้ ควรพูดคุยกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานเกี่ยวกับผลเสียต่อสุขภาพจากการใช้แอลกอฮอล์และสารเสพติด

4. การตรวจระดับกลูโคสในเลือดต่ำ

วิธีเดียวที่จะทราบได้อย่างแน่ชัดว่ากำลังมีระดับกลูโคสในเลือดต่ำหรือไม่คือการตรวจวัด อย่างไรก็ตามหากอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถตรวจระดับกลูโคสในเลือดได้ในทันที การรักษาทันทีเมื่อสงสัยภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้อาการแย่ลงจะเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
การพูดคุยเกี่ยวกับอาการและอาการแสดงของภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อยกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะพวกเขาจำเป็นต้องเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างอาการต่าง ๆ และความจำเป็นในการได้รับการรักษา เด็กที่เป็นโรคเบาหวานควรรู้วิธีขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่เมื่อจำเป็น

5. ระดับกลูโคสในเลือดต่ำ (ภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อย) รักษาอย่างไร ?

หากระดับกลูโคสในเลือดต่ำกว่า 70 มก./ดล. ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน

โดยคุณต้องทำตามขั้นตอนดังนี้ :

  • ให้รับประทานน้ำเชื่อม 1 ช้อนโต๊ะหรือดื่มเครื่องดื่มรสหวานครึ่งแก้ว เช่น น้ำผลไม้หรือน้ำอัดลม (ที่ไม่ใช่สูตรไม่มีน้ำตาล) แล้วให้พัก 15 นาที หลังจากนั้นจึงตรวจกลูโคสในเลือด
  • หากระดับกลูโคสในเลือดสูงกว่า 70 มก./ดล. ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 20-30 นาทีเพื่อยืนยันว่าระดับกลูโคสในเลือดอยู่ในเป้าหมายแล้ว (> 70 มก./ดล.)
  • หากระดับกลูโคสในเลือดยังคงต่ำกว่า 70 มก./ดล. ให้รับประทานน้ำเชื่อม 1 ช้อนโต๊ะอีกครั้งหรือดื่มน้ำหวานครึ่งแก้ว เช่น น้ำผลไม้หรือน้ำอัดลม (ที่ไม่ใช่สูตรไม่มีน้ำตาล) แล้วพัก 15 นาทีและตรวจระดับกลูโคสในเลือด

หากภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อยเกิดขึ้นก่อนมื้ออาหาร (ซึ่งมักเป็นเวลาที่ต้องฉีดอินซูลิน) ควรรักษาภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อยก่อน และเมื่อระดับกลูโคสในเลือด > 70 มก./ดล. แล้ว ค่อยให้อินซูลินตามปกติ ห้ามเว้นการฉีดอินซูลินเด็ดขาด โดยเฉพาะหากมีภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อยในช่วงเช้าตรู่

หากพบคนมีอาการชักหรือหมดสติ อย่าให้รับประทานอาหาร เพราะอาจทำให้เกิดการสำลักได้ (อาหารที่เข้าไปในทางเดินหายใจอาจทำให้เกิดโรคปอดอักเสบอย่างรุนแรงได้) คุณต้องพาไปแผนกฉุกเฉินที่โรงพยาบาล


<!–<b>HelloType1 Writers & Reviewers</b>

–>

HelloType1 content is curated for the topics using information only taken from accredited sources such as the International Diabetes Foundation (IDF) and the International Society for Paediatric and Adolescent Diabetes (ISPAD).

This content is then reviewed and adapted by a panel consisting of healthcare experts (e.g. endocrinologist, nutritionist, diabetes nurse, psychologist) and members of the South-East Asia T1D communities, helping ensure the information is appropriate in a local context.

<u>Writers of HelloType1 content:</u>
<b>Anne-Charlotte Ficheroulle</b>, Pharmacist, Digital Innovation Manager at A4D
<b>Charlotte O’Brian Gore</b>, Research assistant ImmunoEngineering, King’s College. UK

<u>Content Reviewers – healthcare professionals:</u>
<b>Dr. May Ng</b>, Paediatric Endocrinologist, Chief Medical Advisor A4D, UK
<b>Dr. Yeow Toh Peng</b>, Endocrinologist, Malaysia
<b>Dr Jaturat Petchkul</b>, Paediatric Endocrinologist, Thailand
<b>Dianna Culbertson</b>, Physician Assistant T1D care, US
<b>Prof Dr Malene Iv</b>, Endocrinologist, Kantha Bopha Hospital, Cambodia
<b>Steffen Tange</b>, Consultant Psychology, Denmark
<b>Soe Nyi Nyi</b>, Nutritionist, Myanmar
<b>Lucas Lim</b>, Dietician, Malaysia

<u>Content Reviewers – people with Type 1 Diabetes:</u>
<b>Jerry Gore</b>, Co-Founder A4D, Mountaineer, UK
<b>Diana Maynard</b>, T1D advocate, UK
<b>Emelyne Carmen Ho</b>, College Student, Malaysia
<b>Molly Seal</b>, College Student, UK

<u>Content Reviewers – parents with T1D child:</u>
<b>Samantha Seal</b>, Teacher, Thailand
<b>Kim Than</b>, Deputy Country Director – Plan International, Cambodia

<!–Updated on May 28th, 2021–>

อ่านเพิ่มเติม

การดูแลผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 เมื่อเจ็บป่วย

การดูแลผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 เมื่อเจ็บป่วย

การจัดการภาวะเลือดมีน้ำตาลมาก

การจัดการภาวะเลือดมีน้ำตาลมาก

ดู

การจัดการภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อย

การจัดการภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อย

โปสเตอร์

A4D

UK Registered Charity: 1166447
9, Parkfield Road, Taunton, Somerset
TA1 4RL, United Kingdom
admin@action4diabetes.org