การดูแลผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 เมื่อเจ็บป่วย

fb

มกราคม 12th, 2023

การดูแลผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 เมื่อเจ็บป่วย

1. การเจ็บป่วยมีผลอย่างไรต่อระดับกลูโคสในเลือด ?

ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานก็มีโอกาสเจ็บป่วยได้เหมือนคนอื่นทั่วไป แต่เนื่องจากการเจ็บป่วยของผู้ที่เป็นโรคเบาหวานอาจมีผลทำให้ระดับกลูโคสในเลือดสูงขึ้นหรือต่ำลงได้ จึงต้องมีการดูแลเป็นพิเศษเพื่อควบคุมระดับกลูโคสในเลือด
ระดับกลูโคสในเลือดอาจคาดการณ์ได้ยากมากในวันที่ป่วย คุณไม่สามารถรู้ได้อย่างแน่นอนว่าการเจ็บป่วยจะมีผลอย่างไรต่อการควบคุมโรคเบาหวาน เพราะฉะนั้นถ้าผู้ป่วยโรคเบาหวานเจ็บป่วย สิ่งสำคัญที่ต้องทำคือการตรวจวัดระดับกลูโคสในเลือดให้บ่อยกว่าปกติ และปรับเปลี่ยนขนาดของอินซูลินตามความต้องการของร่างกาย
หากผู้ที่เป็นโรคเบาหวานเจ็บป่วยเป็นหวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือการเจ็บป่วยอื่น ๆ ซึ่งอาจจะมีหรือไม่มีไข้ก็ได้ ร่างกายจะต้องการพลังงานเพิ่มเติมเพื่อที่จะต่อต้านเชื้อโรค ซึ่งอาจมีผลต่อการออกฤทธิ์ของอินซูลินด้วย
เซลล์ในร่างกายอาจต้องใช้อินซูลินมากขึ้นหรือน้อยลงในการทำงาน ดังนั้นการรับประทานอาหาร การดื่มน้ำ และการตรวจติดตามระดับกลูโคสในเลือด จึงล้วนมีความสำคัญมากเมื่อผู้ที่เป็นโรคเบาหวานเจ็บป่วย
หากเซลล์ในร่างกายได้รับพลังงานไม่เพียงพอ หรือหากร่างกายไม่ได้รับอินซูลินเพียงพอที่จะนำกลูโคสเข้าไปใช้ในเซลล์ ร่างกายจะสร้างพลังงานจากการสลายไขมันและกล้ามเนื้อแทน กระบวนการนี้จะก่อให้เกิดของเสียที่เรียกว่าคีโทน ซึ่งเป็นอันตรายเมื่อสะสมในปริมาณมาก
หากระดับกลูโคสในเลือดที่สูงไม่ได้รับการรักษา ร่างกายจะสร้างคีโทน และผู้ป่วยโรคเบาหวานอาจเกิดภาวะกรดเกินจากคีโทน โดยที่อาจไม่ได้มีการเจ็บป่วยอื่น ๆ เลยก็ได้

2. ฉันจะเตรียมตัวสำหรับวันที่ป่วยอย่างไร ?

การรู้วิธีดูแลผู้ที่เป็นโรคเบาหวานในวันที่เขาป่วยจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหรือภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้

เป้าหมายของการดูแลผู้ที่เป็นโรคเบาหวานที่เจ็บป่วยคือ:
– ป้องกันการขาดน้ำ
– ป้องกันภาวะกรดเกินจากคีโทน (ระดับน้ำตาลและคีโทนในเลือดสูง)
– ป้องกันภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อย (ระดับกลูโคสในเลือดต่ำ)

3. จะรู้ได้อย่างไรว่ามีคีโทนในร่างกาย ?

อาการของผู้ป่วยที่อาจสังเกตได้เมื่อร่างกายผลิตคีโทนในเลือดเยอะ :
“- ลมหายใจกลิ่นเหมือนผลไม้
– ระดับกลูโคสในเลือดสูง
– ต้องไปเข้าห้องน้ำบ่อย
– กระหายน้ำมาก
– รู้สึกเหนื่อยกว่าปกติ
– ปวดท้อง
– มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะการหายใจ (ส่วนใหญ่จะหายใจลึกขึ้น)
– สับสน
– เป็นลม
– รู้สึกไม่สบาย”

วิธีการตรวจวัดคีโทนที่ดีที่สุดคือการใช้แถบทดสอบคีโทนในเลือด ซึ่งผู้ป่วยมักจะไม่มีแถบทดสอบและเครื่องตรวจคีโทนในเลือดที่บ้าน แต่คลินิกหรือสถานพยาบาลในชุมชนของคุณอาจตรวจระดับคีโทนในเลือดได้

4. ฉันควรทำอย่างไรเมื่อมีผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 เจ็บป่วย ?

โปรดทำตามแนวปฏิบัติดังนี้เมื่อมีการเจ็บป่วย :
– ห้ามหยุดใช้อินซูลิน !
– อาจต้องเพิ่มหรือลดขนาดของอินซูลิน ขึ้นอยู่กับระดับกลูโคสในเลือดและอาหารที่รับประทาน
– เพิ่มการตรวจวัดระดับกลูโคสในเลือดเป็นทุก 3-4 ชั่วโมง หากสามารถทำได้
– หากไม่สามารถตรวจระดับกลูโคสในเลือดได้ที่บ้าน ให้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล เพื่อให้ได้รับการตรวจติดตามอย่างสม่ำเสมอ
– ดื่มน้ำให้เพียงพอ

ตัวอย่างของเหลวที่เหมาะสมสำหรับเด็กในวันที่ป่วย เช่น น้ำเปล่าหรือซุป ให้เด็กดื่มน้ำปริมาณน้อยแต่บ่อย (ประมาณ 1/2 แก้วทุกชั่วโมง) หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน เช่น น้ำอัดลม ชา กาแฟ ซึ่งสามารถทำให้เกิดภาวะขาดน้ำได้
– ลดไข้
– ควรให้รับประทานอาหารเป็นมื้อตามปกติ แต่หากไม่สามารถทำได้ ต้องให้ผู้ป่วยรับประทานคาร์โบไฮเดรตที่เป็นอาหารหรือของเหลวก็ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้กลูโคสในเลือดต่ำลงฉับพลัน
การตรวจติดตามปริมาณคีโทนในปัสสาวะและในเลือดเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยส่วนมากผู้ป่วยจะต้องใช้อินซูลินเพิ่มในการควบคุมระดับกลูโคสในเลือด (เว้นแต่การเจ็บป่วยจะทำให้เกิดภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อย)

“ในกรณีที่ระดับกลูโคสในเลือดสูงโดยที่ไม่มีคีโทนหรือมีคีโทนน้อย :
-> ให้อินซูลินออกฤทธิ์สั้นหรือออกฤทธิ์เร็วขนาด 5-10% ของปริมาณอินซูลินต่อวัน และให้ซ้ำทุก 2-4 ชั่วโมง”

“ในกรณีที่ระดับกลูโคสในเลือดสูงโดยที่มีคีโทนปานกลางหรือมาก :
-> ให้อินซูลินออกฤทธิ์สั้นหรือออกฤทธิ์เร็วขนาด 10-20% ของปริมาณอินซูลินต่อวัน และให้ซ้ำทุก 2-4 ชั่วโมง”

หากมีอาการอาเจียน อาจบ่งบอกถึงปริมาณอินซูลินที่ไม่เพียงพอหรือภาวะกรดเกินจากคีโทน ควรติดต่อแพทย์หรือไปคลินิก/โรงพยาบาลใกล้บ้านทันที


HelloType1 content is curated for the topics using information only taken from accredited sources such as the International Diabetes Foundation (IDF) and the International Society for Paediatric and Adolescent Diabetes (ISPAD).

This content is then reviewed and adapted by a panel consisting of healthcare experts (e.g. endocrinologist, nutritionist, diabetes nurse, psychologist) and members of the South-East Asia T1D communities, helping ensure the information is appropriate in a local context.

Writers of HelloType1 content:
Anne-Charlotte Ficheroulle, Pharmacist, Digital Innovation Manager at A4D
Charlotte O’Brian Gore, Research assistant ImmunoEngineering, King’s College. UK

Content Reviewers – healthcare professionals:
Dr. May Ng, Paediatric Endocrinologist, Chief Medical Advisor A4D, UK
Dr. Yeow Toh Peng, Endocrinologist, Malaysia
Dr Jaturat Petchkul, Paediatric Endocrinologist, Thailand
Dianna Culbertson, Physician Assistant T1D care, US
Prof Dr Malene Iv, Endocrinologist, Kantha Bopha Hospital, Cambodia
Steffen Tange, Consultant Psychology, Denmark
Soe Nyi Nyi, Nutritionist, Myanmar
Lucas Lim, Dietician, Malaysia

Content Reviewers – people with Type 1 Diabetes:
Jerry Gore, Co-Founder A4D, Mountaineer, UK
Diana Maynard, T1D advocate, UK
Emelyne Carmen Ho, College Student, Malaysia
Molly Seal, College Student, UK

Content Reviewers – parents with T1D child:
Samantha Seal, Teacher, Thailand
Kim Than, Deputy Country Director – Plan International, Cambodia

www.idf.org

Download PDF > Sick day management in type 1 diabetes

https://www.seattlechildrens.org/globalassets/documents/for-patients-and-families/pfe/pe288.pdf

Caring for diabetes in Children and Adolescent. Third edition. Copyright Children’s Diabetes Services

https://kidshealth.org/en/parents/diabetes-sick-days.html

อ่านเพิ่มเติม

การจัดการภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อย

การจัดการภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อย

การจัดการภาวะเลือดมีน้ำตาลมาก

การจัดการภาวะเลือดมีน้ำตาลมาก

ดู

การจัดการภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อย

การจัดการภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อย

การจัดการภาวะเลือดมีน้ำตาลมาก

การจัดการภาวะเลือดมีน้ำตาลมาก

โปสเตอร์



ทำแบบทดสอบ

ทำแบบทดสอบเรื่องการจัดการในวันที่ป่วยกัน !

A4D

UK Registered Charity: 1166447
9, Parkfield Road, Taunton, Somerset
TA1 4RL, United Kingdom
admin@action4diabetes.org