ข้อมูล T1D

ไอคอน

ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ

เกี่ยวกับเรา

เด็กเป็นเบาหวาน ชนิดที่ 1 พ่อแม่ควรทำอย่างไร

เรียบเรียงโดย: 17.03.2025

Yong Xuan Ooi

HelloType1 Coordinator Malaysia, A4D

1. คำแนะนำ เด็กเป็นเบาหวาน

ผู้ปกครองทุกคนให้ความสำคัญกับสุขภาพของลูกเป็นอันดับแรก

พ่อแม่ส่วนใหญ่มักมองหาสัญญาณที่บ่งชี้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับลูกหรือไม่

โรคเบาหวานชนิดที่ 1 เป็นภาวะสุขภาพเรื้อรังตลอดชีวิตที่ทำให้พ่อแม่กังวล

เมื่อลูกได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวาน อาจเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนเป็นพ่อแม่

เมื่อพบว่า เด็กเป็นเบาหวาน ทั้งพ่อแม่ลูกควรร่วมมือและพูดคุยกันเพื่อหาวิธีรับมือโรคเบาหวานชนิดที่ 1

เด็ก ๆ สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้ แม้ว่าจะเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1ก็ตาม

2. ทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเบาหวานชนิดที่ 1

โรคเบาหวานชนิดที่ 1 หรือเรียกอีกอย่างว่า เบาหวาน ใน เด็ก หรือเบาหวานชนิดพึ่งอินซูลิน มักพบในทารก เด็กเล็ก และวัยรุ่น

แต่อาการของโรคเบาหวานชนิดที่ 1 มักไม่แสดงให้เห็นจนกว่าเด็กอายุอย่างน้อย 5 ปี

คนส่วนใหญ่คิดว่าการรับประทานน้ำตาลมากเกินไปส่งผลให้เกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 1 แต่จริงๆ แล้วการรับประทานอาหารไม่ใช่สาเหตุของโรคเบาหวานชนิดที่ 1

โรคเบาหวานชนิดที่ 1 เป็นโรคเรื้อรังที่จะอยู่ไปตลอดชีวิตเนื่องจากเบตาเซลล์ในตับอ่อนถูกทำลายโดยระบบภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ ดังนั้น ร่างกายจึงไม่สามารถสร้างฮอร์โมนอินซูลินได้

เมื่อร่างกายขาดอินซูลินก็ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ซึ่งในระยะยาว เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงมักก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรงตามมา

ระดับน้ำตาลในเลือดสูง (หรือภาวะน้ำตาลในเลือดสูง) อาจทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไต โรคตา หรือเส้นประสาทเสียหาย

3. ตระหนักถึงสัญญาณ ""4ห"" ของโรคเบาหวานชนิดที่ 1

ทารกและเด็กเล็กมักดื่มน้ำค่อนข้างมาก แต่หากอยู่ดี ๆ ลูกของคุณน้ำหนักลดลงฮวบกะทันหัน ดูเหนื่อยหรือกระหายน้ำมากกว่าปกติ ก็อาจเป็นสัญญาณของเบาหวาน ใน เด็ก

เด็กเป็นเบาหวาน ชนิดที่ 1 มักไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเนื่องจากไม่สามารถอธิบายความรู้สึกได้

""4ห"" สัญญาณเริ่มต้นที่อาจช่วยให้ผู้ปกครองทราบว่าบุตรหลานของตนเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 หรือไม่

1) ห้องน้ำ (TOILET) ซึ่งหมายความว่า ปัสสาวะบ่อยขึ้น ทารกและเด็กอาจมีผ้าอ้อมเปียกหรือปัสสาวะรดที่นอนบ่อยขึ้น

2) หิวน้ำ (THIRSTY) รู้สึกกระหายน้ำอย่างรุนแรงตลอดเวลาและการตื่นกลางดึกพื่อดื่มน้ำอาจเป็นสัญญาณอันตรายได้

3) เหน็ดเหนื่อย (TIRED) เมื่อไม่มีอินซูลินที่จะเปลี่ยนน้ำตาลกลูโคสที่ได้รับจากอาหารให้เป็นพลังงาน จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง เซลล์ร่างกายจะไม่สามารถใช้น้ำตาลกลูโคสเป็นพลังงานได้ จึงทำให้รู้สึกเหนื่อยและอ่อนแอ

4) หนักน้อย (THINNESS) เมื่อไม่มีอินซูลินและร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลกลูโคสได้ตามปกติ ร่างกายจะสร้างพลังงานโดยการเผาผลาญไขมันและกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรด และน้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ

หากผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 มีน้ำหนักลดลงมากกว่า 5% ในระยะเวลาต่ำกว่า 6 เดือนโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรปรึกษาคุณหมอโดยด่วน

4. สัญญาณอื่น ๆ

1) ความหิวเพิ่มขึ้น แม้ว่าเด็กเป็นเบาหวาน จะอยู่ในช่วงวัยรุ่นและรับประทานอาหารในปริมาณมากแล้วก็ตาม แต่อาจยังรู้สึกหิวเพราะอาหารไม่ได้ให้พลังงานแก่ร่างกายตามที่ต้องการ

2) มองเห็นไม่ชัด ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอาจส่งผลต่อดวงตา ทำให้เด็กที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 มองเห็นไม่ค่อยชัด

3) กลิ่นลมหายใจเหม็นเปรี้ยว หากลมหายใจของลูกน้อยมีกลิ่นคล้ายผลไม้ อาจเป็นสัญญาณของภาวะเลือดเป็นกรด ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายของโรคเบาหวานชนิดที่ 1

4) ติดเชื้อราหรือเชื้อยีสต์ในช่องคลอด เด็กผู้หญิงที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 อาจประสบปัญหาการติดเชื้อราบ่อยขึ้น

อย่าลืมว่า หาก เด็กเป็นเบาหวาน วิธีการจัดการโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ต้องอาศัยความรู้ ความพากเพียร ความอดทน และทัศนคติที่ดี

ด้วยแผนการรักษาที่ถูกต้อง ความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง และการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เด็กที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 มีโอกาสสูงที่จะมีชีวิตยืนยาวและมีความสุข

5. ข้อควรปฏิบัติ

เพื่อให้ลูกของคุณแข็งแรงและหลีกเลี่ยงปัญหาอื่น ๆ ตามมา คุณต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับ เบาหวาน ใน เด็ก และรักษาด้วยวิธีการที่ถูกต้อง

หากบุตรหลานของคุณแสดงอาการข้างต้นอย่างน้อยหนึ่งข้อ ไม่ต้องกังวลไป ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

1) ปรึกษาคุณหมอ ไปพบหมอเด็กหรือคุณหมอประจำครอบครัว โดยจะทำการทดสอบระดับน้ำตาลในเลือดและระดับฮีโมโกลบิน A1c ซึ่งการทดสอบเหล่านี้จะช่วยให้สามารถวินิจฉัยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ได้อย่างถูกต้อง และช่วยเตรียมแผนการรักษาได้

2) ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด หากระดับน้ำตาลในเลือดสูง เด็กอาจถูกส่งต่อไปให้คุณหมอที่เชี่ยวชาญด้านต่อมไร้ท่อในเด็กดูแล ทั้งนี้ การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำมีประโยชน์ต่อการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 1

3) ศึกษาหาความรู้ ยิ่งคุณรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานชนิดที่ 1 มากเท่าไร ทั้งวิธีการทำงานของอินซูลิน ความสำคัญของการออกกำลังกาย รวมไปถึงการรับประทานอาหารที่พอดี คุณก็จะดูแลลูกน้อยและจัดการระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

4) ค้นหากลุ่ม เด็กเป็นเบาหวาน เพื่อทำความรู้จักครอบครัวอื่น ๆ ที่ประสบปัญหาเดียวกัน ผ่านทางเว็บไซต์ออนไลน์และกลุ่มโซเชียลมีเดีย จะช่วยให้ครอบครัวของคุณรู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลงและอาจมีคำแนะนำดี ๆ

6. บทสรุป

เมื่อเด็กได้รับการวินิจฉัยว่า เด็กเป็นเบาหวาน อาจเป็นเรื่องยากสำหรับทั้งเด็กและผู้ปกครอง ย่อมรู้สึกโศกเศร้า โกรธ และกลัว

ถือเป็นเรื่องปกติที่คุณย่อมจะต้องกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของลูก แต่หากทราบสัญญาณของโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และหาวิธีดูแลลูกน้อยอย่างรวดเร็ว ก็อาจช่วยได้มาก

สิ่งสำคัญคือต้องพูดคุยกับคุณหมอเพื่อการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่ชัดเจน ในขณะเดียวกัน การช่วยให้ลูกน้อยรับมือกับโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และสามารถจัดการอารมณ์ จิตใจ และร่างกายได้ก็สร้างผลลัพธ์ที่แตกต่างในเชิงบวกแก่สมาชิกในครอบครัว

ติดต่อผู้ดูแลสุขภาพและศึกษาข้อมูบเกี่ยวกับโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ให้ได้มากที่สุด

อย่าลืมว่า เบาหวาน ใน เด็ก เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเดินทางในชีวิตของเด็กๆ และด้วยความช่วยเหลือจากครอบครัว เด็กๆ สามารถรับมือได้เป็นอย่างดี

เว็บไซต์และกลุ่ม Facebook ของ HelloType1 และวิดีโอใน YouTube ล้วนเป็นแหล่งเรียนรู้ชั้นยอดเกี่ยวกับโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ที่จะช่วยให้ความรู้ เพิ่มศักยภาพ และเป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัวของคุณในการช่วยดูแล เด็กเป็นเบาหวาน หากคุณมีคำถามหรือข้อสงสัย สามารถติดต่อเราได้เลย

ไอคอน ข้อสงวนสิทธิ์: