ข้อมูล T1D

ไอคอน

ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ

เกี่ยวกับเรา

การนับคาร์บ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างไร

เรียบเรียงโดย: 17.03.2025

Johanah Co

HelloType1 Digital Learning and Development Manager, A4D

1. คำแนะนำใน การนับคาร์บ

การรับมือกับโรคเบาหวานชนิดที่ 1 จำเป็นต้องมีวิธีการเฉพาะ และ การนับคาร์บ เป็นหนึ่งในวิธีที่น่าสนใจ

ความสำคัญของ การนับคาร์บ ในผู้ที่เป็นโรคเบาหวานคือ การนับปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่บริโภคในแต่ละวัน ซึ่งจะช่วยให้ง่ายต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดีขึ้น

นอกจากนั้น ยังอาจช่วยให้ตัดสินใจเลือกอาหารได้ดีขึ้นเมื่อทราบปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่บริโภคไปแล้ว

วิธีนี้อาจช่วยให้คุณมีอินซูลินในปริมาณที่เหมาะสม ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่มากขึ้น

เมื่อร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดคงที่มากขึ้น ก็จะส่งผลให้รู้สึกดีกับตัวเองตามไปด้วย

คาร์บ รวมถึงโปรตีนและไขมันเป็นสารอาหารหลักที่ร่างกายต้องการ แม้ว่าคาร์บ อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น แต่ร่างกายก็ยังต้องการคาร์บที่ทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานของร่างกาย

2. การนับคาร์บ คืออะไร?

คาร์บ หรือคาร์โบไฮเดรต คือน้ำตาล เส้นใยอาหาร และแป้งที่พบในอาหารจำพวกธัญพืช ผลไม้ ถั่ว ผัก และผลิตภัณฑ์จากนม เป็นแหล่งพลังงานหลักของร่างกายสำหรับเซลล์ เนื้อเยื่อ และอวัยวะต่าง ๆ

เมื่อคนเรารับประทานอาหารที่มีคาร์บ ระบบย่อยอาหารจะย่อยอาหารเหล่านี้ให้กลายเป็นน้ำตาลและซึมเข้าสู่กระแสเลือด หากรับประทานอาหารที่มีคาร์บสูง ระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้น การนับคาร์บ จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อโรคเบาหวาน

สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 การรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่อาจเป็นเรื่องท้าทายอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากตับอ่อนในร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินให้เพียงพอได้อีกต่อไป

หากใช้วิธี การนับคาร์บ ก็อาจช่วยให้มีอิสระในการตัดสินใจเลือกรับประทานอาหารชนิดต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมมากขึ้นตามข้อมูลที่เรามี

การเลือกรับประทานอาหารโดยมีข้อมูลครบถ้วน ทำให้สามารถเพลิดเพลินในการรับประทานอาหารได้ เพราะรู้ว่าอาหารชนิดใดบ้างที่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดและควรหลีกเลี่ยง

การนับคาร์บ อาจช่วยให้คุณใช้ชีวิตอยู่กับโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ได้ง่ายขึ้น และยังช่วยให้มีความรู้และมีอิสระในการรับประทานอาหารและทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่คุณต้องการในปริมาณที่พอดี

3. การนับคาร์บ มีความสำคัญอย่างไรต่อโรคเบาหวาน ?

การนับคาร์บ มีความสำคัญเนื่องจากทำให้การจัดการโรคเบาหวานชนิดที่ 1 นั้นยืดหยุ่นขึ้น

เมื่อคุณเชี่ยวชาญการนับคาร์บ ก็ไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงเมนูโปรดอีกต่อไป

คุณสามารถเพลิดเพลินกับอาหารต่าง ๆ และปรับปริมาณอินซูลินตามปริมาณคาร์บที่วางแผนไว้

การนับคาร์บ ยังอาจช่วยลดลดโอกาสการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงหรือภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้อีกด้วย

แพทย์ ผู้ให้ความรู้ด้านโรคเบาหวาน นักโภชนาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพอื่น ๆ ล้วนแต่สนับสนุนแนวคิด การนับคาร์บ เนื่องจากจะช่วยปรับปรุงคุณภาพการรักษาผู้ที่เป็นโรคเบาหวานให้ดียิ่งขึ้น

เมื่อสามารถรับมือกับโรคเบาหวานได้ดีขึ้น ก็จะมีความเสี่ยงน้อยต่อปัญหาหรือภาวะแทรกซ้อนน้อยลง ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแต่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการนับคาร์บ สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน

4. การทำความเข้าใจและการใช้วิธีการนับคาร์บในชีวิตประจำวัน

การพูดคุยกับนักโภชนาการ นักกำหนดอาหาร หรือผู้ให้ความรู้ด้านโรคเบาหวานเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากพวกเขาจะช่วยชี้แนะและแนะนำเมนูโปรดได้อย่างเหมาะสม

คุณอาจใช้มือกะขนาดหรือปริมาณอาหารได้ ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน

ตัวอย่างเช่น อาจใช้กำปั้นเป็นตัววัดขนาด แล้วพิจารณาว่า ข้าวขาว 1 กำมือจะมีปริมาณของคาร์บเท่าใด และอาจต้องใช้อินซูลินเท่าใด

ข้าวขาวหนึ่งถ้วยมีคาร์บประมาณ 30 กรัม และอินซูลินที่จำเป็นสำหรับคาร์โบไฮเดรตอาจแตกต่างกันไป ทางที่ดีควรปรึกษาผู้ดูแลสุขภาพเพื่อรับทราบความไวต่ออินซูลินของร่างกายคุณ

หากทราบปริมาณคาร์บที่ร่างกายบริโภคไปแล้วอาจจะช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าต้องฉีดอินซูลินกี่หน่วย ซึ่งข้อนี้ก็นับเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ว่าทำไม การนับคาร์บ จึงสำคัญต่อผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน

เคล็ดลับที่เป็นประโยชน์อีกประการหนึ่งคือ การอ่านฉลากโภชนาการที่อยู่ตามบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ จะช่วยทำให้ การนับคาร์บ ง่ายขึ้นและแม่นยำยิ่งขึ้น

5. ความรู้สึกของผู้ที่ต้องดูแลโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ให้อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยโดยอาศัย การนับคาร์บ

เมื่อเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับ การนับคาร์บ ป็นครั้งแรก นับเป็นเรื่องยากที่จะกะปริมาณและนับคาร์บในอาหารประเภทต่าง ๆ

เนื่องจากไม่ทราบปริมาณคาร์บที่แน่ชัดในอาหารแต่ละชนิด จึงมักยึดติดกับอาหารเดิม ๆ เพื่อจะได้รู้ว่าต้องฉีดอินซูลินเท่าไร

โดยบันทึกรายการอาหารต่าง ๆ ที่รับประทานไปลงในบันทึกประจำวันหรือใช้แอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟนช่วย การนับคาร์บ อาจต้องใช้เวลาและทำให้รู้สึกกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนที่เร่งรีบ แต่ก็คุ้มค่าเพราะทำให้สามารถรับประทานอาหารได้หลากหลายมากขึ้นโดยที่ระดับน้ำตาลในเลือดไม่สูงหรือต่ำเกินไป

แม้ว่าจะรับประทานอาหารในปริมาณเท่ากันทุกวัน แต่ระดับน้ำตาลในเลือดก็อาจจะไม่ได้เท่ากันเสมอไป เนื่องจากยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด เช่น การออกกำลังกาย กิจกรรมในชีวิตประจำวัน ความเครียด การอดนอน เป็นต้น

เราจะรู้ได้ว่าเรานับคาร์บและใช้อินซูลินได้ถูกต้องไหม ดูได้จากการที่สามารถรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ระหว่าง 80-180 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หรือ 3.9-10 มิลลิโมล/ลิตร ภายในสองชั่วโมงหลังมื้ออาหาร

อาจต้องใช้เวลาในการเรียนรู้เกี่ยวกับวิธี การนับคาร์บ แต่ยิ่งนับคาร์บบ่อยมากเท่าไร ก็จะเชี่ยวชาญได้ง่ายขึ้นเท่านั้น

6. ความรู้สึกพึงพอใจที่พ้นจากปัญหาระดับน้ำตาลในเลือดเอาแน่เอานอนไม่ได้

ผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 อาจรู้สึกดีทั้งทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ เมื่อสามารถรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยได้

สมาคมโรคเบาหวานทั่วโลกแนะนำว่า ควรมีระดับน้ำตาลในเลือดที่เหมาะสมมากกว่า 70% ขึ้นไปเพื่อลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดฝอยและหลอดเลือดใหญ่

ผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 สามารถดูแลตัวเองให้ดีขึ้นและรู้สึกดีขึ้นจากโรคเบาหวานหากศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การนับคาร์บ ด้วยเหตุนี้จึงต้องตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของ การนับคาร์บ

เมื่อรู้สึกดี ก็จะทำให้สามารถยอมรับโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ได้ดีขึ้นและสามารถดูแลร่างกายให้แข็งแรงได้

ทุกคนที่จัดการโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ได้ดีย่อมมีวิธีของตัวเอง อาจจะเป็นเรื่องของเวลาในการฉีดอินซูลิน ประเภทของอินซูลิน การทำกิจกรรมต่าง ๆ และอื่นๆ ซึ่งมีความสำคัญพอๆ กับการนับคาร์บ

โปรดปรึกษาคุณหมอและผู้ดูแลสุขภาพเกี่ยวกับวิธีที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพ เนื่องจากทุกคนมีการใช้อินซูลิน สภาพร่างกาย และระดับกิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน แตกต่างกัน

ไอคอน ข้อสงวนสิทธิ์: