ข้อมูล T1D

ไอคอน

ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ

เกี่ยวกับเรา

การจัดการภาวะ น้ำตาลในเลือดต่ำ

เรียบเรียงโดย: 17.03.2025

Anne-Charlotte Ficheroulle

Pharmacist, Digital Innovation Manager, A4D

1. น้ำตาลในเลือดต่ำ คืออะไร ?

ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือด หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่า น้ำตาลในเลือด หมายถึง ปริมาณของน้ำตาลกลูโคสที่อยู่ในกระแสเลือด เมื่อระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดลดต่ำลงจนเกินไป จะเรียกว่าภาวะ น้ำตาลในเลือดต่ำ ทั้งนี้ หากน้ำตาลกลูโคสในเลือดมีปริมาณต่ำเกินไป มักเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยอย่างรุนแรงที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาในทันที

ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 จำเป็นต้องรักษาระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดไม่ให้สูงหรือต่ำเกินไปเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดต่อสุขภาพได้ ควรปรึกษาคุณหมอถึงระดับน้ำตาลในเลือดที่เหมาะสม เพื่อดูแลสุขภาพให้แข็งแรงตามเกณฑ์เป้าหมายที่คุณหมอวางแผนการรักษา

2. จะรู้ได้อย่างไรว่ามีภาวะ น้ำตาลในเลือดต่ำ

สัญญาณและอาการของร่างกายที่แสดงออกเมื่อระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดต่ำอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลและอัตราการลดลงของระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือด

สัญญาณเตือนเมื่อ น้ำตาลในเลือดต่ำ ได้แก่ :

  • เหงื่อออก

  • หิวมาก

  • หัวใจเต้นเร็ว

  • พูดไม่ชัด

  • หงุดหงิด

  • เวียนศีรษะ

  • เหนื่อย

  • ตาพร่ามัว

  • ร้องไห้โดยไม่มีสาเหตุ

  • ตัวสั่น

บางครั้งภาวะ น้ำตาลในเลือดต่ำ อาจก่อให้เกิดอันตรายอย่างรุนแรงจนทำให้คุณเป็นลมหรือชักได้

ข้อพึงระวัง: อาการเหล่านี้อาจไม่ได้เกิดจากระดับกลูโคสในเลือดต่ำเสมอไป ควรตรวจวัดระดับกลูโคสในเลือดทุกครั้งเมื่อรู้สึกไม่สบาย ห้ามเดาเองเด็ดขาด!

หากคุณมีภาวะ น้ำตาลในเลือดต่ำตอนกลางคืน อาจทำให้มีอาการดังนี้ ร้องไห้ ฝันร้าย หรือเหงื่อออกตอนกลางคืน (สังเกตได้จากผ้าปูที่นอนและ/หรือชุดนอนเปียก) และอาจตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนงงหรือปวดหัว

3. น้ำตาลในเลือดต่ำ เกิดจาก สาเหตุใด ?

ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดอาจลดต่ำลงได้จากพฤติกรรมต่าง ๆ ดังนี้

  • การอดอาหารบางมื้อหรือรับประทานอาหารไม่เพียงพอ

  • ออกกำลังกายนานหรือออกกำลังกายหักโหมโดยไม่ได้รับประทานอาหารเพิ่มเติม

  • ได้รับอินซูลินมากเกินไป

  • ฉีดอินซูลินในเวลาที่ไม่เหมาะสมเมื่อเทียบกับปริมาณของมื้ออาหาร ของว่าง และวิธีออกกำลังกาย

  • ระหว่างนอนหลับ ซึ่งเรียกว่า ภาวะ น้ำตาลในเลือดต่ำตอนกลางคืน

  • หลังการออกกำลังกายผ่านไปแล้วหลายชั่วโมง ซึ่งเรียกว่า ภาวะ น้ำตาลในเลือดต่ำ หลังการออกกำลังกาย

  • หลังจากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะไปลดทอนความสามารถของร่างกายในการรักษาระดับกลูโคสในเลือด ซึ่งอาจทำให้น้ำตาลในเลือดลดต่ำลงอย่างฉับพลันได้ นอกจากนี้ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และใช้สารเสพติด มักก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพด้านอื่น ๆ ได้ด้วย

ปัจจัยอื่น ๆ ที่เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดภาวะ น้ำตาลในเลือดต่ำ
ได้แก่ :

  • การฉีดอินซูลินเข้ากล้ามเนื้อแทนที่จะฉีดเข้าชั้นไขมันใต้ผิวหนัง

  • การฉีดอินซูลินเข้าไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่ใช้บ่อยขณะเล่นกีฬา เช่น การฉีดอินซูลินเข้าที่ต้นขาก่อนการฝึกซ้อมฟุตบอล
    ทั้งนี้ สถานการณ์ที่กล่าวมาข้างต้นมักเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดภาวะ น้ำตาลในเลือดต่ำ

4. การตรวจวัดภาวะ น้ำตาลในเลือดต่ำ

วิธีเดียวที่จะทราบได้อย่างแน่ชัดว่าคุณมีภาวะ น้ำตาลในเลือดต่ำ หรือไม่ คือการตรวจวัดระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือด แต่หากคุณไม่สามารถตรวจระดับกลูโคสในเลือดได้ในทันที ก็ควรศึกษาเกี่ยวกับวิธีดูแลตนเองหากพบสัญญาณเตือนหรืออาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เพื่อป้องกันไม่ให้อาการอาการแย่ลงจนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานบางรายอาจไม่รู้จักอาการหรือสัญญาณเตือนของภาวะ น้ำตาลในเลือดต่ำ ดังนั้น จึงควรให้ความสำคัญกับการตรวจระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดเป็นประจำ และรู้จักดูแลตนเองเพื่อป้องกันระดับกลูโคสในเลือดต่ำ (ดูคำแนะนำด้านล่างเกี่ยวกับการป้องกันตนเองจากภาวะ น้ำตาลในเลือดต่ำ) หากคุณคิดว่าตนเองไม่สามารถรับรู้ถึงอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้ ควรแจ้งให้คุณหมอหรือเจ้าหน้าที่ที่รักษาโรคเบาหวานทราบ

5. วิธีรักษาผู้ที่มีระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดต่ำ (น้ำตาลในเลือดต่ำ) ?

หากระดับกลูโคสในเลือดต่ำกว่า 70 มิลลิกรัม/เดซิลิตร คุณต้องหาวิธีดูแลตนเองทันที

โดยขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติตามมีดังนี้ :

  • รับประทานน้ำเชื่อม 1 ช้อนโต๊ะหรือดื่มเครื่องดื่มรสหวานครึ่งแก้ว เช่น น้ำผลไม้หรือน้ำอัดลม (ที่ไม่ใช่สูตรไม่มีน้ำตาล) แล้วพัก 15 นาที หลังจากนั้นจึงตรวจระดับกลูโคสในเลือด

  • หากระดับกลูโคสในเลือดสูงกว่า 70 มก./ดล. ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 20-30 นาทีเพื่อยืนยันว่าระดับกลูโคสในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ (> 70 มก./ดล.)

  • หากระดับกลูโคสในเลือดยังคงต่ำกว่า 70 มก./ดล. ให้รับประทานน้ำเชื่อม 1 อีกหนึ่งช้อนโต๊ะหรือดื่มน้ำหวานครึ่งแก้ว เช่น น้ำผลไม้หรือน้ำอัดลม (ที่ไม่ใช่สูตรไม่มีน้ำตาล) แล้วพัก 15 นาที และตรวจระดับกลูโคสในเลือดอีกรอบ

หากภาวะ น้ำตาลในเลือดต่ำ เกิดขึ้นก่อนมื้ออาหาร (ซึ่งมักเป็นเวลาที่ต้องฉีดอินซูลิน) ควรรักษาภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำก่อน และเมื่อระดับกลูโคสในเลือดเพิ่มขึ้นจนสูงกว่า 70 มก./ดล. แล้ว ค่อยให้อินซูลินตามปกติ ห้ามเว้นการฉีดอินซูลินเด็ดขาด โดยเฉพาะหากมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในช่วงเช้าตรู่

หากพบผู้ที่มีอาการชักหรือหมดสติ อย่าให้รับประทานอาหาร เพราะอาจทำให้เกิดการสำลักได้ (อาหารที่เข้าไปในทางเดินหายใจอาจทำให้เกิดโรคปอดอักเสบอย่างรุนแรงได้) กรุณานำตัวผู้ป่วยไปส่งแผนกฉุกเฉินที่โรงพยาบาล

6. ประเด็นที่สำคัญ

สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเป็นเรื่องที่น่ากังวล จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานต้องมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสัญญาณและอาการเตือนของภาวะ น้ำตาลในเลือดต่ำ และควรทราบว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไรหากเกิดภาวะดังกล่าว รวมถึงวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะนี้ขึ้นแต่แรก

ทำแบบทดสอบเรื่องภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อยกัน !

ไอคอน ข้อสงวนสิทธิ์: