
ข้อมูล T1D
ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ
เกี่ยวกับเรา
สุขภาพจิต และ เบาหวานชนิดที่ 1
เรียบเรียงโดย: 17.03.2025
การจัดการชีวิตสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 อาจทำได้ยากขึ้นกว่าเดิม ภาวะสุขภาพเรื้อรังนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นประจำ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความเครียดได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม การรู้สึกเครียดตลอดเวลาไม่เพียงแต่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพจิตเท่านั้น แต่ยังทำให้สุขภาพกายแย่ลงอีกด้วย เมื่อมีความเครียด ร่างกายจะปล่อยฮอร์โมนความเครียดออกมา และส่งผลให้ตับปล่อยน้ำตาลกลูโคสที่เก็บไว้ออกมาด้วยเช่นกัน สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 การที่ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น หมายความว่า ต้องได้รับอินซูลินเพิ่มขึ้นเพื่อจัดการกับระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดปัญหาที่สุขภาพจิตส่งผลต่อสุขภาพกาย และสุขภาพกายก็ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต วนเวียนเป็นวัฏจักร
ในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับผลกระทบของ สุขภาพจิต และ เบาหวาน พร้อมทั้งวิธีหลุดพ้นจากวงจรแห่งความเครียดนี้
มาสำรวจจิตใจของผู้ที่เป็นเบาหวาน ผู้ที่เป็นเบาหวานจำนวนมากอาจกังวลเกี่ยวกับการจัดการอาการของตนเองให้ดีที่สุดและหาทางหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อน การต้องติดตามและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างต่อเนื่องโดยการฉีดอินซูลินและการวางแผนมื้ออาหารอย่างระมัดระวังอาจสร้างความเครียดได้
การปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้น ความรู้สึกแย่ หรือแม้แต่ความโกรธต่อตัวเองที่ต้องก้าวผ่านภาวะนี้มีแต่จะทำให้เครียดมากขึ้น อารมณ์เชิงลบ เช่น การไม่ยอมรับตัวเอง การกล่าวโทษผู้อื่น และความกังวล อาจทำให้กำลังใจหมดไปโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งอาจนำไปสู่อาการหมดไฟที่จะสู้กับเบาหวาน หรือแม้แต่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ
นักวิจัยได้ศึกษาเกี่ยวกับอาการหมดไฟที่จะสู้กับเบาหวานว่าส่งผลเสียอย่างไร เพราะผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 อาจไม่ได้ดูแลสุขภาพร่างกาย สังคม จิตใจ และอารมณ์มากนัก และเบาหวานก็ไม่เคยหยุดพัฒนา การดูแลและรักตนเองอาจเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 เพราะผู้ป่วยมักจะมีทัศนคติเชิงลบต่อตนเอง ดังนั้นการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ใช้ชีวิตที่ดี และการพูดคุยกับคุณหมอหรือพยาบาลจึงอาจเป็นไปไม่ได้
หยุดพัก แม้ว่าคุณจะไม่สามารถเพิกเฉยต่ออาการของตัวเองได้ แต่บางครั้งก็ควรที่จะหยุดพักเพื่อใช้เวลากับตัวเองโดยที่ไม่ต้องใช้พลังงานอะไรมากนัก
มุ่งเน้นการดูแลตนเอง ให้เวลาตัวเองได้เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่ชอบ จะช่วยให้คุณจิตใจปลอดโปร่ง ไร้ความกังวลเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ
หาความรู้เกี่ยวกับระดับน้ำตาลในเลือด ยิ่งมีข้อมูลมากขึ้น ไม่ว่าภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ กลาง หรือสูง ก็จะทำให้เข้าใจเกี่ยวกับระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น หากเรื่องเหล่านี้ทำให้รู้สึกเครียด คุณอาจต้องการพูดคุยกับคุณหมอประจำตัวเพื่อหาตัวช่วยในการแบ่งเบาความรู้สึก การพูดคุยกับใครสักคน สามารถช่วยแก้ปัญหาสุขภาพจิตได้จริง ๆ
ติดต่อกับคนรอบตัว การพูดคุยและเปิดใจกับครอบครัวและเพื่อน ๆ ว่าคุณเครียด สามารถช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเกี่ยวกับ สุขภาพจิต และ เบาหวาน ได้ ซึ่งการพูดคุยจะทำให้คนที่คุณรักส่งกำลังใจและช่วยเหลือคุณเกี่ยวกับเบาหวานชนิดที่ 1 ได้ดีขึ้น ผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 มักขอความช่วยเหลือจากคนรักให้ช่วยเตือนเวลาที่ต้องฉีดอินซูลินและรับประทานอาหารให้ตรงเวลา อีกทางเลือกหนึ่งคือตั้งแจ้งเตือนในโทรศัพท์ โดยเฉพาะหากไม่ต้องการพึ่งพาผู้อื่นเสมอไป
ทำการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ คุณสามารถแจ้งให้คุณหมอและพยาบาลทราบว่าพวกเขาจะช่วยคุณเปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันเล็กๆ น้อยๆ ได้อย่างไร คุณหมอหรือพยาบาลอาจแนะนำทางเลือกอื่น ๆ เช่น เทคโนโลยีสำหรับเบาหวานชนิดที่ 1 อย่างการใช้อินซูลินปั๊มหรือเครื่องตรวจน้ำตาลแบบต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้อาจช่วยแบ่งเบาภาระและลดความเครียดจากการควบคุมอาการของโรคเบาหวานได้
เปลี่ยนมุมมอง การเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 หมายความว่าคุณอาจจำเป็นต้องบอกลาหลายสิ่งที่คุณชอบ อย่างไรก็ตาม ในบางครั้งสิ่งเหล่านั้นอาจทำให้คุณมีความสุขและรู้สึกว่าประสบความสำเร็จในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ เช่น หากคุณต้องการกินของว่างหรือขนมหวานบ้างเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น ก็สามารถรับประทานได้ ขอเพียงแค่อย่าลืมตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ฉีดอินซูลินตามเวลาที่จำเป็น และออกกำลังกายเบา ๆ
ออกไปเจอผู้คน การเข้าร่วมชุมชนหรือฟอรัมออนไลน์สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 จะช่วยให้คุณรู้สึกว่ามีกลุ่มคนที่เข้าใจคุณ และอาจมีแนวทางใหม่ๆทำให้คุณรู้สึกถึงกำลังใจ และทำให้คุณเข้มแข็งมากพอที่จะก้าวต่อไป พูดคุยกับผู้คนช่วยให้คุณรับมือกับ สุขภาพจิต และ เบาหวาน ได้ดีขึ้น
ขอความช่วยเหลือในการบำบัด หากสิ่งต่าง ๆ ยังมากเกินกว่าคุณที่จะจัดการด้วยตัวเองได้ การพูดคุยกับคุณหมอ นักจิตวิทยา จิตแพทย์ ผู้ให้คำปรึกษา นักสังคมสงเคราะห์ หรือนักบำบัด ถือเป็นความคิดที่ดี เพราะคนเหล่านั้นสามารถช่วยแก้ปัญหา สุขภาพจิต ได้ดีที่สุด พวกเขาจะสามารถช่วยให้คุณผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนี้ไปได้ และแนะนำแนวทางที่ดีในการจัดการกับเบาหวาน การเผชิญความเครียดในชีวิตโดยตรงอาจหมายถึงการต้องเผชิญกับปัญหาที่รุนแรงกว่าสิ่งที่คุณเคยเผชิญมาก่อน
สิ่งที่ท้าทายที่สุดแต่ที่ดีที่สุดคือ การยอมรับและเปิดใจให้เบาหวาน
ผู้ที่ประสบความสำเร็จในการจัดการกับเบาหวานชนิดที่ 1 อาจมองว่าเบาหวานคือปัจจัยที่ทำให้พวกเขาเข้มแข็ง ยืนหยัด และมุ่งมั่นที่จะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากและความล้มเหลวไปได้
มันอาจไม่ง่าย และคุณอาจต้องใช้เวลา และความพยายาม สิ่วสำคัญที่สุดคือการยอมรับและเข้าใจสถานการณ์ของตัวคุณ คุณถึงจะทำได้ การเครียดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอาจเป็นเรื่องยากและเหนื่อยล้า แต่ก็เป็นไปได้ที่คุณจะเติมพลังเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นได้
เราย่อมต้องมีช่วงเวลาดี ๆ ที่จะก้าวผ่านจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดไปจนได้ เมื่อยอมรับว่าตนเองเป็นเบาหวานชนิดที่ 1
เราสามารถเรียนรู้วิธีจัดการกับเหตุการณ์ที่ตึงเครียดได้ดีขึ้นหากเรารู้ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นเมื่อใด เป็นไปได้ที่จะมุ่งมั่นเพื่อการเติบโตและประสบความสำเร็จ คุณจะไปถึงจุดนั้นได้ในเร็วๆนี้ คุณทำได้แน่นอน ขอให้คุณเชื่อมั่นในตัวคุณเอง