
ข้อมูล T1D
ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ
เกี่ยวกับเรา
เบาหวาน ใน เด็ก จะเรียนอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ
เรียบเรียงโดย: 17.03.2025
การไปโรงเรียนในขณะที่ต้องรับมือกับโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่ออนาคตของเด็กคนหนึ่ง ดังนั้น การทำความเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และผลการเรียนของเด็กจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
แม้ว่า โรคเบาหวานประเภทชนิดที่ 1 อาจไม่ใช่โรคที่พบได้บ่อยเท่ากับปัญหาสุขภาพอื่นๆ แต่เด็กเป็นเบาหวานจะสามารถสภาพแวดล้อมของชีวิตวัยเรียนที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยและมีความสุขได้หรือไม่
การพัฒนาให้โรงเรียนมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเบาหวานถือว่ามีความจำเป็นอย่างมาก เพราะเด็กเป็นเบาหวานไปตลอดชีวิต ดังนั้นจึงควรได้รับการจัดการและดูแลด้วยความระมัดระวัง
โรคเบาหวานชนิดที่ 1 เป็นหนึ่งในโรคเรื้อรังที่พบบ่อยในเด็กวัยเรียน เนื่องจากมักวินิจฉัยพบในเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่วัยหนุ่มสาว อย่างไรก็ตาม โรคเบาหวานสามารถตรวจพบได้ในทุกช่วงอายุ
ทั้งผู้ปกครอง คุณครู และเด็กที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ที่เพิ่งเริ่มต้นเส้นทางชีวิต ล้วนต่างก็จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับ โรคเบาหวาน แต่จะเป็นไปได้ไหมที่จะมีผลการเรียนที่ดีไปพร้อมๆกันไปด้วย
การร่วมมือกันระหว่างครู ผู้ปกครอง ทีมแพทย์ เพื่อนร่วมชั้น และเด็กที่เป็นเบาหวาน จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างความแตกต่างให้เห็นได้ชัดเจนว่าการจัดการโรคเบาหวานที่ดีนั้นเป็นอย่างไร
สำหรับเด็ก เบาหวานในเด็ก อาจหมายความว่าพวกเขาจำเป็นต้องฉีดอินซูลินอยู่เสมอ รวมทั้งคอยตรวจระดับน้ำตาลในเลือด รับประทานของว่างเป็นประจำ ดื่มน้ำมากขึ้น และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
เด็กส่วนใหญ่อาจกลัวเข็มและอาจไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนร่วมชั้นที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 ต้องฉีดอินซูลินหรือตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ
เนื่องจากเด็ก ๆ ไม่รู้ว่าโรคเบาหวานชนิดที่ 1 คืออะไร จึงอาจทำให้เด็กบางคนพูดในสิ่งที่อาจทำร้ายจิตใจเด็กที่เป็นเบาหวานได้
การพูดคุยกับเด็ก ๆ ที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเกี่ยวกับโรคเบาหวานชนิดที่ 1 จึงอาจเป็นประโยชน์และช่วยให้พวกเขาเข้าใจภาวะดังกล่าวได้มากยิ่งขึ้น
หากมีการสื่อสารที่เข้าใจกันระหว่างเด็กที่เป็นเบาหวาน ชนิดที่ 1 และเพื่อนร่วมชั้น อาจมีประโยชน์อย่างมากในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ อีกทั้งยังอาจช่วยให้เด็กที่เป็นเบาหวานมีชีวิตวัยเรียนที่ดีได้อีกด้วยเนื่องจากโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และผลการเรียนนั้นสัมพันธ์กัน
การรณรงค์เรื่อง #ความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน จึงอาจเป็นวิธีที่ดีที่จะทำให้ได้รับการสนับสนุนและช่วยหยุดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคเบาหวานได้
เนื่องจากโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และการเรียนนั้นสัมพันธ์กัน ครูส่วนใหญ่จึงต้องการที่จะให้เด็กๆ รู้สึกมั่นใจได้ว่า นักเรียนจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย สามารถประสบความสำเร็จและมีความสุขได้
เพื่อทำให้ชีวิตวัยเรียนมีความสุข ผู้ปกครองอาจขอให้คุณหมอหรือพยาบาลฝึกอบรมครูในโรงเรียนและพยาบาลถึงวิธีจัดการกับโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ของบุตรหลานได้
เด็กที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 และผู้ปกครองอาจขอให้ครูสร้างพื้นที่ปลอดภัยในห้องเรียน เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กที่เป็นหวานถูกตราหน้าหรือกันออกจากกลุ่ม เพราะจะทำให้พวกเขารู้สึกไม่ดีและละอายใจเกี่ยวกับตนเอง
เด็กเล็กอาจไม่เข้าใจสถานการณ์ได้ดีนัก และอาจเชื่อในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง
ตัวอย่างเช่น เด็กบางคนอาจมองว่าโรคเบาหวานชนิดที่ 1 เป็นโรคติดต่อที่สามารถแพร่เชื้อได้ ในขณะที่บางคนอาจคิดว่าการฉีดอินซูลินหมายถึงการติดยา
เด็กที่เป็นโรคเบาหวาน จำเป็นต้องมีความมั่นใจในตนเองและต้องไม่เก็บความคิดเห็นเชิงลบมาคิดจนเกินไป เพราะไม่ใช่ทุกคนที่รู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานชนิดที่ 1 มากนัก
ผู้ปกครองและเด็กที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 สามารถขอรับแผนการจัดการโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ที่เหมาะสมสำหรับในโรงเรียนได้จากคุณหมอและครู
แผนนี้อาจมีคำแนะนำที่ชัดเจนในการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด การให้อินซูลิน รวมทั้งมื้ออาหารและการจำกัดเวลาในการรับประทานอาหาร
การพูดคุยเกี่ยวกับการจัดการโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ไม่ว่าจะก่อนทำกิจกรรมในวิชาพลศึกษา การไปทัศนศึกษา หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่สนุกสนานนับว่ามีประโยชน์อย่างมาก
ผู้ปกครองควรพูดคุยอย่างเปิดเผยกับครู พยาบาลในโรงเรียน และทีมแพทย์เป็นประจำ
คุณหมอสามารถช่วยให้เด็กที่เป็นโรคเบาหวานจัดการกับปัญหาต่างๆ ได้โดยจัดให้พวกเขาอยู่ในกลุ่มสนับสนุนสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานและแนะนำพวกเขา
การเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานและเข้าค่ายให้กำลังใจผู้ที่เป็นเบาหวานเพื่อเรียนรู้จากกันและกัน พัฒนามิตรภาพให้ยาวนาน และฝึกความรับผิดชอบในการจัดการกับโรคของตนเอง
แน่นอนว่าหากเด็กที่เป็นเบาหวานได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสมและมีกลยุทธ์การจัดการโรคเบาหวานอย่างมีระบบ เด็กที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 ย่อมมีโอกาสก้าวหน้าในเชิงวิชาการและมีชีวิตที่สมบูรณ์ได้
มีนักเรียนจำนวนมากที่เป็นโรคเบาหวานและเรียนเก่ง มีความสามารถในเชิงวิชาการ และยังสามารถจัดการดูแลโรคเบาหวานของตนเองได้เป็นอย่างดี
เด็กที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 รู้ดีที่สุดว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตนเอง ทางที่ดีจึงควรปล่อยให้พวกเขาดูแลตัวเองและคอยช่วยเหลือเมื่อจำเป็น
โดยรวมแล้ว การทำงานเป็นทีมและทัศนคติเชิงบวกเป็นปัจจัยสำคัญต่อการมีชีวิตวัยเรียนที่ประสบความสำเร็จ
ปัจจัยอื่น ๆ ที่จะช่วยเหลือเด็ก ๆ อาจมาจากคุณครู เช่น ให้เด็กมีวันลาที่ยืดหยุ่นสำหรับการไปหาหมอตามนัดและการพักเข้าห้องน้ำ
เนื่องจากเบาหวานในเด็กสัมพันธ์กับผลการเรียน หากมีแผนการรักษาประจำตัวและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดูแลสุขภาพ ก็จะช่วยให้นักเรียนที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 มีชีวิตวัยเรียนที่ดี ไม่ใช่แค่ในด้านวิชาการ แต่ยังรวมถึงสังคม ร่างกาย และจิตใจด้วย
การใช้ชีวิตร่วมกับเบาหวานชนิดที่ 1 นั้นเป็นเรื่องที่อาจจะท้าทายและอาจส่งผลต่ออารมณ์และสุขภาพจิต
แต่การเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 จะทำให้การเรียนรู้เป็นเรื่องสนุก เพราะเด็กๆจะพร้อมสำหรับทุกเรื่องที่จะเข้ามาในชีวิต
เด็กที่เป็นเบาหวานอาจรู้สึกสบายใจที่จะไปร่วมกิจกรรมของโรงเรียนและสร้างกลุ่มเพื่อนที่พร้อมช่วยดูแลพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเด็ก ๆ สามารถอธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจสถานการณ์ของตนเองได้
โรคเบาหวานชนิดที่ 1 ไม่สามารถขัดขวางนักเรียนจากการบรรลุศักยภาพสูงสุดของตัวเองได้
สุดท้ายแล้ว สิ่งที่สวยงามคือ โรคเบาหวานชนิดที่ 1 จะได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางชีวิตวัยเรียนที่ทอดยาวไปสู่การเติบโตในทุก ๆ ด้าน