ข้อมูล T1D

ไอคอน

ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ

เกี่ยวกับเรา

ความเครียด และอาการหมดไฟ ส่งผลอย่างไรต่อเบาหวานชนิดที่ 1

เรียบเรียงโดย: 17.03.2025

Johanah Co

HelloType1 Digital Learning and Development Manager, A4D

1. ปรับสมดุลระหว่าง ความเครียด และเบาหวาน ให้ได้

การใช้ชีวิตในแต่ละวันนำมาซึ่งทั้งความสุขและ ความเครียด การดำเนินชีวิตก็เหมือนการก้าวผ่านวัฏจักรของความต้องการ ความเครียด และความสุขต่าง ๆ เมื่อบวกโรคเบาหวานชนิดที่ 1 เข้าไปด้วยก็ย่อมทำให้ชีวิตยิ่งซับซ้อนยิ่งขึ้น และคุณอาจต้องใช้ความเข้มแข็งทั้งหมดเพื่อก้าวผ่านมรสุมต่าง ๆ ทั้งภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำและน้ำตาลในเลือดสูง

เบาหวานชนิดที่ 1 เป็นโรคเรื้อรังที่จำเป็นต้องจัดการให้เหมาะสมในทุกๆ วัน ภาระเหล่านี้อาจทำให้เกิด ความเครียด ซึ่งอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเปลี่ยนแปลงได้ อาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสร้างสมดุลในชีวิตในขณะที่คุณต้องรับมือกับผลจาก ความเครียด และ เบาหวาน

การควบคุมโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ตลอดเวลาอาจเป็นเรื่องยาก เนื่องจากมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องตัดสินใจจนอาจทำให้เกิดความเครียดได้

2. รักษาระดับ ความเครียด และหาวิธีจัดการระดับน้ำตาลในเลือด

องค์ประกอบที่ทำให้เกิดความเครียดซึ่งส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด ได้แก่ การพยายามรักษาระดับน้ำตาลในเลือดอย่างระมัดระวัง การจัดการอินซูลิน และการจัดเตรียมมื้ออาหาร

นอกจากนี้ ยังต้องรับมือและรักษาสมดุลของบทบาทหน้าที่ที่พึงกระทำ และเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งอาจรวมถึงการบ้าน การงาน งานอดิเรก ความสัมพันธ์ งานบ้าน และหน้าที่อื่น ๆ เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่เกณฑ์ปลอดภัย (70-180 มก./ดล. หรือ 4-10 มิลลิโมล/ลิตร) คุณจำเป็นต้องค้นหาความสมดุลของปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร การออกกำลังกาย และปัจจัยที่ไม่สามารถคาดเดาได้ เช่น ความเครียด ระดับฮอร์โมน ที่ล้วนแต่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด

การคาดเดาเกี่ยวกับเบาหวานชนิดที่ 1 อาจมีความซับซ้อนเนื่องจากปัจจัยที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ดังนั้น การรักษาสุขภาพจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนและรักษาสมดุลในการทำกิจกรรมต่าง ๆ

3. ความเครียด ส่งผลอย่างไรต่อ เบาหวานชนิดที่ 1

คุณรู้ไหมว่าสถานการณ์ที่ตึงเครียดอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นและทำให้รู้สึกหมดหมดไฟในการทำสิ่งต่าง ๆ

เมื่อมี ความเครียด ร่างกายจะตอบสนองตามธรรมชาติด้วยการปล่อยฮอร์โมนอะดรีนาลีนและคอร์ติซอล ซึ่งเรียกว่ากลุ่มอาการ "สู้หรือหนี" ด้วยเหตุนี้ ความเครียด กับ เบาหวาน จึงไม่ใช่ส่วนผสมที่ดีนัก

ระดับน้ำตาลในเลือดอาจเพิ่มขึ้นชั่วคราวเนื่องจากฮอร์โมนเหล่านี้ (ทำให้มีพลังงานในการ"สู้")

4.ความเครียด กับ เบาหวาน ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดอย่างไร?

  • นิสัยการกินเปลี่ยนไป เมื่อมี ความเครียด นิสัยการกินก็อาจจะเปลี่ยนไป คุณอาจจะเริ่มกินอาหารมากหรือน้อยกว่าปกติ ซึ่งบางครั้งก็มากไปหรือน้อยไป บางคนอาจรับมือกับผลกระทบของ ความเครียด ด้วยการรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงซึ่งจะไปเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็ว ส่งผลร้ายต่อการควบคุมโรคเบาหวานชนิดที่ 1

  • การเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวันในผู้ที่เป็นเบาหวาน เหตุการณ์ที่ตึงเครียดอาจทำให้ผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 มีแนวโน้มที่จะลืมกินยาหรือไม่สนใจที่จะติดตามระดับน้ำตาลในเลือด ปัจจัยเหล่านี้อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเปลี่ยนแปลงได้

  • แนวทางการนอนหลับที่เปลี่ยนไป เมื่อต้องทำงานหนักจนเกินไป คุณอาจละเลยการทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ ถ้านอนหลับไม่พอก็อาจส่งผลต่อความไวของอินซูลินและระดับน้ำตาลในเลือดได้

  • การทำกิจกรรมต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลง เป็นไปได้ที่คุณจะไม่มีเวลาออกกำลังกายเหมือนแต่ก่อน เมื่อคุณไม่ได้ออกกำลังกาย ร่างกายอาจไวต่ออินซูลินน้อยลง และทำให้ร่างกายผลิตอินซูลินเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะดื้ออินซูลินและส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดควบคุมได้ยากขึ้น

5. ระวัง ความเครียด จะนำไปสู่อาการหมดไฟในชีวิต

ชีวิตที่เครียดเพราะเบาหวานชนิดที่ 1 อาจทำให้ทุกข์ทรมาน มีภาวะซึมเศร้า และเกิดอาการหมดไฟได้ ตัวอย่างแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดการความทุกข์และความเหนื่อยล้าจากการเป็นเบาหวาน มีดังต่อไปนี้

  • (1) ค่อยเป็นค่อยไป ตั้งเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงนิสัยเพื่อสุขภาพที่ดี รักษาเป้าหมายไว้ และเริ่มต้นอย่างช้า ๆ ถ้าคุณต้องการออกกำลังกายมากขึ้น ก็ไม่ควรฝึกหนักเหมือนนักกีฬาในทันที ถ้าอยากเดินวันละ 30 นาที ก็ให้เริ่มที่วันละ 10 นาทีแล้วค่อย ๆ ขยับขึ้น ช้า ๆ แต่ตลอดไปนั้นดีกว่า

  • (2) ทำทีละอย่าง การพยายามจัดการทุกอย่างในคราวเดียวอาจจะยากเกินไป เพื่อลดระดับ ความเครียด ให้เขียนรายการสิ่งที่ต้องทำและทำทีละอย่าง ให้รางวัลตัวเองเมื่อทำสำเร็จ

  • (3) พูดคุยกับคนอื่น ๆ ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 ไม่ได้มีคุณคนเดียวที่ชีวิตมีความเครียดและเป็นเบาหวาน คุณสามารถหาใครสักคนที่เข้าใจสิ่งที่คุณกำลังเผชิญอยู่ได้โดยการเข้าร่วมชุมชนออนไลน์เกี่ยวกับโรคเบาหวาน ปรึกษาคุณหมอประจำตัวที่ดูแลเบาหวานให้คุณ อาจรู้จักชมรมสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานหรือกลุ่มสมาชิกที่คุณสามารถเข้าร่วมได้ การแบ่งปันความคิดและความรู้สึกกับผู้อื่นที่เป็นเบาหวานอาจทำให้ได้แนวคิดใหม่ ๆ ในการจัดการปัญหาและการต่อสู้

การดูแลผู้ที่เป็นเบาหวานนั้นหมายถึงการดูแลสุขภาพโดยรวม ไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่ยังรวมถึงสภาพจิตใจและอารมณ์ด้วย หากคุณไม่ดูแลสุขภาพจิต ปัญหาต่าง ๆ อาจแย่ลงเช่นเดียวกับอาการเบาหวาน ข่าวดีก็คือ เราสามารถจัดการให้สิ่งต่าง ๆ ดีขึ้นได้

6. อยู่กับ ความเครียด และ เบาหวาน: ค้นหาความเข้มแข็งและกำลังใจ

การรับมือกับ ความเครียด ในชีวิต อาจหมายถึงการต้องรับมือกับปัญหาที่ยิ่งใหญ่กว่าทุกอย่างที่คุณเคยเผชิญมา วิธีที่ดีที่สุดคือ ยอมรับว่าเป็นเบาหวานและเรียนรู้วิธีที่จะอยู่ด้วยกัน

คุณรู้หรือไม่ว่านักกีฬา ผู้นำ และแชมป์เปี้ยนที่ยิ่งใหญ่บางคนเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 แต่ยังสามารถประสบความสำเร็จได้? ผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตอาจมองว่าเบาหวานชนิดที่ 1 เป็นปัจจัยที่มองไม่เห็นที่ทำให้พวกเขาเข้มแข็ง อดทน และมุ่งมั่นที่จะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากและความล้มเหลวไปได้

การโอบกอดตัวเองและรู้จักเงื่อนไขต่าง ๆ ในชีวิตของตัวเองให้ถ่องแท้อาจสำคัญที่สุด แต่ก็อาจจะไม่ได้ง่ายนัก

อาจเป็นเรื่องยากที่จะไม่เครียด แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับเบาหวานชนิดที่ 1 จะช่วยให้คุณรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเบาหวานชนิดที่ 1 ได้ดีขึ้น

คุณจะเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่ยากลำบากได้ดีขึ้นหากรู้ว่าสถานการณ์นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใด โอกาสที่จะเรียนรู้และทำให้ได้อยู่ไม่ไกล ระลึกไว้ว่า เครื่องมือและการช่วยเหลืออย่างเหมาะสมจะช่วยให้คุณทำได้

ไอคอน ข้อสงวนสิทธิ์: