
ข้อมูล T1D
ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ
เกี่ยวกับเรา
การให้กำลังใจผู้ดูแล ผู้ป่วยเบาหวาน ชนิดที่ 1 และการรับมือกับความเครียด
เรียบเรียงโดย: 17.03.2025
เมื่อผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ผู้ปกครองที่ทำหน้าที่ดูแลมักจะรู้สึกว่านี่เป็นเหตุการณ์ที่ท้าทายและอาจสร้างบาดแผลในใจของผู้ป่วยได้ โดยส่วนใหญ่ ผู้ปกครองมักจะรับรู้ถึงผลกระทบรุนแรงที่มีต่อผู้ป่วยซึ่งมักเป็นเด็ก ทั้งในด้านคุณภาพชีวิต อายุขัยเฉลี่ย และการใช้ชีวิตประจำวัน หลังจากนั้นผู้ปกครองก็จะค่อย ๆ พบว่าความเป็นจริงนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อทั้งครอบครัว
การจัดการโรคเบาหวานในเด็กจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวัน ความใส่ใจต่อสิ่งต่าง ๆ ทั้งอาหาร และการใช้ชีวิต เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับว่า ผู้ป่วยเบาหวาน จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาไปตลอดชีวิต และเป็นเรื่องธรรมดาที่จะรู้สึกเศร้าเสียใจในระยะแรกที่ได้ทราบข่าว
ผู้ปกครองหลายคนยังรู้สึกผิดที่ลูกหลานของตนเองต้องกลายเป็น ผู้ป่วยเบาหวาน และมักสงสัยว่าจะสามารถป้องกันโรคนี้ไม่ให้เกิดตั้งแต่แรกได้หรือไม่ และผู้ปกครองบางคนอาจรู้สึกไม่มั่นใจในการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ทั้งการจัดเตรียมยาและการช่วยวางแผนมื้ออาหาร นอกจากนี้ ผู้ปกครองหลายคนก็อาจมีความกังวลต่อการเฝ้าสังเกตอาการและการหาแผนการรักษาที่เหมาะสม
ความรู้สึกเหล่านี้มักเกิดขึ้นกับผู้ปกครองแทบทุกคนที่ต้องดูแลเด็กที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ปกครองจะรู้สึกทุกข์ใจ แต่ก็อย่าลืมว่าคุณไม่ได้เผชิญความท้าทายนี้เพียงลำพัง เพราะคุณยังมีกำลังใจ แรงสนับสนุน และความช่วยเหลือจากแพทย์ พยาบาล ญาติพี่น้อง และครอบครัวอยู่เสมอ
ผู้ปกครองและผู้ดูแลผู้ป่วยหลายคนประสบกับความเครียด ทั้งทางอารมณ์และจิตใจ หลังจากที่ทราบว่าลูกหลานเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 หากคุณความรู้สึกเหล่านี้ โปรดรับรู้ไว้ว่า คุณไม่ได้เผชิญเรื่องนี้เพีนงลำพัง แต่ความกังวลอาจทำให้ความยากของสิ่งที่เจอนั้นเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เพราะคุณต้องรับมือทั้งกับความคับข้องใจ ความเศร้า และความกังวลของทั้งตัวคุณเองและของ ผู้ป่วยเบาหวาน
สิ่งแรกที่เราอยากแนะนำในการรับมือกับความรู้สึกต่าง ๆ คือการเริ่มศึกษาเกี่ยวกับโรคเบาหวานชนิดที่ 1 สำหรับโปรแกรม Hello Type 1 ของเรานั้นมุ่งหมายที่ให้ข้อมูลที่จำเป็นแก่ผู้ปกครองและผู้ดูแลผู้ป่วยเบาหวาน เพื่อให้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและวิธีการจัดการโรคที่ดีที่สุด และอย่าลืมว่า คุณยังสามารถรับคำแนะนำจากแพทย์และพยาบาลที่ดูแลโรคเบาหวานให้ลูกหลานของคุณได้อยู่ตลอดเวลา การหาความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และการจัดการโรคจะช่วยให้คุณรู้สึกว่าตัวเองมีความเข้าใจและรู้จักวิธีควบคุมโรคได้ นอกจากนี้ โปรแกรม Hello Type 1 ยังช่วยให้คุณสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยเบาหวานได้ดีขึ้น เข้าอกเข้าใจว่าผู้ป่วยเบาหวานมีวิธีจัดการ และควบคุมโรคในแต่ละวันอย่างไรบ้าง พร้อมทั้งช่วยให้คุณดูแลผู้ป่วยเบาหวานให้สามารถจัดการรับมือกับอารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ด้วย
อย่าลืมว่าคุณยังมีกำลังใจและความช่วยเหลือจากครอบครัว ลองเปิดใจพูดคุยถึงความรู้สึกต่าง ๆ กับคนในครอบครัว พวกเขาอาจพร้อมช่วยเหลือและแบ่งเบาความรับผิดชอบในการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ก็เป็นได้
ก่อนที่จะให้ความช่วยเหลือลูกหลานของคุณหรือคนอื่น ๆ ที่เป็นโรคเบาหวาน คุณต้องเข้าใจความรู้สึกของพวกเขาก่อนว่า เขามีภาวะอารมณ์และสภาพจิตใจเป็นอย่างไร และตัวคุณเองก็ต้องมีความกล้ามากพอที่จะพูดคุยถึงอารมณ์ และความรู้สึกเหล่านี้
การที่จะรับรู้ว่าผู้ป่วยเบาหวานมีความรู้สึกอย่างไรนั้นทำได้โดยการพูดคุยสอบถามเป็นระยะ ๆ การแสดงออกถึงความสนใจว่าผู้ป่วยเบาหวานทุกข์หรือกังวลใจแค่ไหนนับว่าเป็นเรื่องสำคัญ และควรคอยพยายามรับฟังทุกเรื่องราวที่ผู้ป่วยต้องการพูดก่อนที่จะพูดถึงความรู้สึกของตัวเอง
สิ่งที่สำคัญอย่างมากคือบทสนทนาที่มีความสมดุล ไม่เน้นไปเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป คุณต้องแสดงความสนใจและความเป็นห่วงโดยการถามคำถามเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของพวกเขา และในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามให้กำลังใจโดยเน้นย้ำว่าโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ไม่ใช่จุดจบของชีวิต
เมื่อได้รับฟังความคิดและความคับข้องใจของผู้ป่วยเบาหวานแล้ว พยายามตอบและสร้างความมั่นใจให้พวกเขารู้สึกได้ว่า หากมีการวางแผนกิจวัตรประจำวันและวินัยที่ดี ก็สามารถมีชีวิตที่เป็นปกติได้ และอาจจะมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นมากมายในอนาคตอีกด้วย เช่น ได้สั่งสมความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นมากกว่าคน่งอื่นที่จะประสบความสำเร็จในโรงเรียน มหาวิทยาลัย และการทำงาน
สิ่งที่สำคัญคือคุณต้องช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวานสามารถดูแลตนเองได้ การฝืนความรู้สึกที่อยากจะปกป้องลูกหลานหรือผู้ป่วยเบาหวานอาจเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะในช่วงแรก ๆ พวกเขาจะต้องเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบในการจัดการโรคเบาหวานด้วยตนเอง ทั้งเรื่องการจัดการยาและการวางแผนการรับประทานอาหาร โดยมีคุณคอยช่วยเหลืออยู่ใกล้ๆ วิธีนี้จะทำให้พวกเขามีความรู้สึกเชิงบวกและมีความมั่นใจในตนเอง
เมื่อใครคนหนึ่งเป็นโรคเบาหวาน สมาชิกในครอบครัวย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย หากคุณมีลูกหลานหรือผู้ป่วยคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้มีโรคประจำตัว อาจสังเกตเห็นว่าพวกเขารู้สึกไม่พอใจที่ผู้ป่วยเบาหวานได้รับการดูแลมากกว่า อย่าลืมที่จะดูแลและให้ความใส่ใจกับสมาชิกในครอบครัวคนอื่น ๆ ด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงความอึดอัดใจภายในครอบครัว โดยอาจให้พวกเขาร่วมเรียนรู้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และขอให้พวกเขาช่วยดูแลผู้ป่วยเบาหวานด้วย ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความร่วมใจกันของทุกคนในครอบครัว
ทั้งนี้ การพูดคุยเพื่อส่งเสริมกำลังใจ และกระตุ้นพฤติกรรมเชิงบวกมีส่วนช่วยให้การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และการจัดการโรคเบาหวานชนิดที่ 1 โดยรวม ดีขึ้นจริง และทำให้ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 สามารถมีชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุขได้เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ
การรับมือกับผลวินิจฉัยโรคเบาหวานไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโรคเบาหวานอาจเป็นโรคที่ต้องมีการจัดการและดูแลไปตลอดชีวิต สำหรับผู้ปกครอง ความเครียดในการดูแลเด็กที่เป็นโรคเบาหวาน บางครั้งอาจมากเกินไป และอาจส่งผลต่อชีวิต และวิธีการเลี้ยงดูลูกด้วย
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ปกครองที่จะไม่ละเลยสุขภาพของตนเอง และหาวิธีจัดการกับความเครียดของตนเอง หากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม ก็ไม่ต้องอายที่จะขอแรงญาติ เพื่อนสนิท หรือหากคุณมีกำลังทรัพย์พออาจจะพิจารณาจ้างพี่เลี้ยงเด็กหรือแม่บ้านมาช่วยทำงานบ้านเพื่อที่คุณจะได้ดูแลและเอาใจใส่ลูกคุณได้อย่างเต็มที่ นอกจากนั้นก็จะช่วยให้คุณรับมือกับความเครียดได้ดีขึ้นได้อีกด้วย